8 ช่องทางการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจอสังหาฯ

8 ช่องทางการทำตลาดออนไลน์ธุรกิจอสังหาฯ

การสื่อสารการตลาดแบบออนไลน์ ในยุคดิจิตอล (หรือที่นิยมเรียกว่า Digital Marketing) มีผลอย่างมากต่อธุรกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ผู้ประกอบ การที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย

ด้วยความที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันสื่อออนไลน์ เข้ามามีบทบาทในการ ช่วยประชาสัมพันธ์ ช่วยโปรโมท ที่อยู่อาศัย มากยิ่งขึ้น เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทย มีแนวโน้มของการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะทาง คอมพิวเตอร์ PC, Notebook และที่สำคัญคือ โทรศัพท์ Smartphone

► คนไทยมีอุปกรณ์ดิจิตอลคิดเป็นสัดส่วน

  • มือถือที่เป็นสมาร์ทโฟน 71%
  • แล็ปท็อปหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 25%
  • แท็บเล็ต 12%

เนื่องจากการเข้าถึงข้อมูลต่างๆทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น (เพียงแค่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต) … ทำให้ไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไป มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะ ค้นหาข้อมูล (Google) หรือที่กำลังเป็นที่นิยมคือ ชุมชนสังคมออนไลน์ (Social Network) เช่น Facebook, Youtube, Instagram, Twitter, Line เป็นต้น

► โซเชี่ยลที่คนไทยใช้มากที่สุดคือ Facebook รองลงมาคือ Youtube และ LINE

บริษัทด้านอสังหาฯส่วนใหญ่ จึงเริ่มมีการปรับตัว มีการปรับกลยุทธ์ต่างๆทางด้านการตลาด หาทางเลือกในการประชาสัมพันธ์ ต่างๆ เช่น มีปรับงบโฆษณา ให้สอดคล้องกับสังคมปัจจุบัน หันมาให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์ กันมากยิ่งขึ้น
เพื่อใช้เป็นทางเลือกใหม่ (รองรับอนาคต) นอกเหนือไปจาก “สื่อหลัก – ทางออฟไลน์” ต่างๆ

  • ป้ายโฆษณา Billboard ขนาดใหญ่ (ตามอาคาร หรือ ริมถนน)
  • ป้ายโฆษณา ขนาดเล็ก (ตามริมถนน, เสาไฟฟ้า)
  • นิตยสารด้านอสังหาฯ
  • การลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์
  • การลงโฆษณาทางทีวี
  • ใบปลิว , โปสเตอร์ , โบรชัวร์
  • การจัดงานอีเวนต์ , งานออกบูธแสดงบ้าน (ผ่านออแกไนเซอร์ต่างๆ)

ซึ่งแม้จะปฎิเสธไม่ได้ว่า ช่องทางจากออฟไลน์ต่างๆ ที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์แนะนำโครงการฯ จะยังคงถือเป็นช่องทางหลัก ที่ยังส่งผลตอบรับที่ดีอยู่ … แต่ในยุคปัจจุบัน ยุคที่สังคมก้าวเข้าสู่โลกดิจิตอลอย่างเต็มตัว การที่ผู้ประกอบการธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ (ที่มีการแข่งขันและมีมูลค่าทางการตลาดสูง) หากไม่เริ่มหันมามอง หรือ เรียนรู้ที่จะทำการตลาดในด้านออนไลน์ จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในอนาคตระยะยาวได้

ช่องทางการตลาดออนไลน์สำหรับผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ

สำหรับช่องทางการทำตลาดออนไลน์ที่น่าสนใจ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปัจจุบัน มีดังต่อไปนี้

1. เว็บไซต์ (Website)

การสร้างเว็บไซต์ มีไว้เพื่อให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับบริษัท หรือ ข้อมูลโครงการ เป็นการนำเสนอตัวตนบนโลกออนไลน์ เป็นเครื่องมือหรือช่องทางหลัก สำหรับทำการตลาดออนไลน์ …

(ในอดีต บริษัทอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ มักจะคิดว่าการมีเว็บไซต์ คือการทำตลาดออนไลน์ เพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงนั้น เว็บไซต์เป็นเพียงแค่ช่องทางหนึ่ง ในอีกหลายๆช่องทางเท่านั้น)

2. โฆษณาดิสเพลย์ (Display Ads)

การติดโฆษณาในรูปแบบ แบนเนอร์ (Banner) ที่ปรากฏอยู่ในหน้าเว็บไซต์ยอดนิยม หรือเว็บไซต์ใหญ่ๆ ในวงการอสังหาฯ เป็นอีกช่องทางที่นิยม (โดยเฉพาะกับการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ) โดยอัตราค่าโฆษณาประเภทแบนเนอร์นี้ ส่วนใหญ่จะคิดแตกต่างกันออกไป ตามเรทของแต่ละเว็บไซต์ที่เราไปขอติดโฆษณา โดยอาจคิดเหมาเป็นรายเดือน รายสัปดาห์ ตามยอดคลิก หรือตามระยะเวลาที่ปรากฏในเว็บไซต์นั้นๆ

หากจะเปรียบเทียบช่องทางการตลาดออนไลน์ แบบ Display Ads นี้ ก็จะคล้ายๆกับ รูปแบบของการใช้ ป้ายโฆษณา โครงการบ้าน ที่นิยมใช้กัน ตามท้องถนน … เพียงแต่แทนที่จะให้คนที่ขับรถผ่านมองเห็น ก็กลายมาเป็น ให้คนที่เข้าเว็บ มองเห็นแทน

ดังนั้นโฆษณาแบบ Display Ads หรือ การซื้อป้าย Banner นี้ ทางบริษัทอสังหาฯต่างๆ จึงมักนิยมซื้อกับเว็บไซต์ใหญ่ๆ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องในวงการด้านอสังหา ที่มีคนเข้าเว็บเป็นจำนวนมากๆ ซึ่งราคานั้นมากน้อยขึ้นอยู่กับ ความดังของเว็บไซต์ที่ไปลงโฆษณา

แต่ด้วยในปัจจุบัน ด้วยพฤติกรรมของผู้ใช้งานอินเตอร์เนต ทำให้ช่องทางการตลาดออนไลน์ในรูปแบบ Display Ads นี้ อาจจะไม่ได้รับผลตอบรับดีเท่าที่ควร ยิ่งหากไม่มีความสร้างสรรค์ในการทำรูปภาพ Banner ที่จะดึงดูดใจให้คนคลิกด้วยแล้ว จึงอาจจะยากที่จะหวังผลจากการทำตลาดโดยใช้ช่องทางนี้

แต่ด้วยเพราะเป็นการลงทุนที่ นับว่า “ถูกมาก” หากเทียบกับป้ายโฆษณา โดยเฉพาะกับ Billboard ขนาดใหญ่ หรือ ป้ายเล็กๆแต่ต้องอาศัยจำนวนมากตามถนน … จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ยังคงเป็นที่นิยม ให้เห็นกันอยู่ในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์

3. Search Engine Marketing (SEM)

เป็นการทำการตลาดออนไลน์ผ่านระบบค้นหาต่างๆ โดยระบบค้นหาที่นิยมในไทย ก็คือ Google ซึ่งการทำตลาดด้าน Search Engine นี้จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ SEO และ PPC โดยทั้ง 2 แบบจะมุ่งเน้นไปที่การทำให้ “ผลค้นหา” จาก “คำค้นหา (Keyword)” ที่เราต้องการ แสดงออกมาในอันดับต้นๆ บน Google เช่น ระบุเป็น ชื่อโครงการ , หรือ ชื่อแบรนด์ , หรือ ชื่อบริษัท , หรือ คำค้นหาที่เป็น ประเภท หรือ ทำเลที่ตั้ง

SEO : เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ เพื่อทำให้ผลการค้นหา ในคำที่เราระบุไว้ ติดอันดับบน Google ในหน้าแรกๆ โดยพยายามทำให้ Google จัดอันดับเองตามเห็นควร ตามธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินลงโฆษณา ซึ่งโดยปกติมักจะต้องใช้เวลานาน

PPC : เป็นการจ่ายเงินเพื่อลงโฆษณา ให้กับทาง Google (นิยมเรียกกันว่า Google Adword) เพื่อให้แสดงผลอันดับบนหน้าค้นหาเลย ไม่ต้องรอเวลา โดยทาง Google จะคิดเงินตามยอดคลิก เมื่อมีคนคลิกโฆษณา ซึ่งอัตราค่าโฆษณาก็แตกต่างกันออกไป

การทำตลาดออนไลน์ด้าน SEM นี้ ทั้ง 2 รูปแบบ ล้วนแต่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มาช่วยดูแลหรือให้คำแนะนำในด้านนี้โดยเฉพาะ เพราะจำเป็นต้องอาศัยเทคนิคที่ซับซ้อนในการดำเนินการ

4. การใช้ผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influence Marketing)

ผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด (Influencer) ในที่นี้จะหมายถึง บุคคล กลุ่มคน หรือ เว็บไซต์ ที่มีชื่อเสียงในวงการนั้นๆ (ในที่นี้คือวงการอสังหาฯ) … โดยการตลาดออนไลน์ในรูปแบบนี้ จะมีลักษณะคือ การว่าจ้างเว็บไซต์ หรือ กูรูด้านอสังหาฯ หรือบล็อกเกอร์ ให้ช่วยนำเสนอข้อมูลโครงการในเบื้องต้น หรือ ให้ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับโครงการนั้นๆ

โดยอาจจะเขียนออกมาในลักษณ รีวิวแนะนำโครงการฯ มีการถ่ายภาพสถานที่จริง และให้ข้อมูลในรูปแบบตัวอักษรแบบเชิงลึก พร้อมแสดงความคิดเห็นในมุมต่างๆ … ซึ่งในปัจจุบัน กูรูหรือผู้เขียนรีวิวด้านอสังหาริมทรัพย์บางราย มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอย่างมาก

และเมื่อหากนำไปเทียบกับช่องทางโฆษณาแบบ Display Ads แล้ว การลงโฆษณาในรูปแบบของ รีวิว หรือ ข้อมูลโครงการเบื้องต้น … ผ่านเว็บไซต์ด้านสื่ออสังหาฯ ดังๆ (Influencer) ด้วยแล้ว จึงนับว่าเป็นช่องทางคาดหวังถึงผลตอบรับที่ดี ได้มากกว่าการลงโฆษณาแบบ Banner Ads

5. คลิปวีดีโอออนไลน์ (Online Video Marketing)

เป็นช่องทางการตลาดในลักษณะที่นำเสนอข้อมูลโครงการ สร้างสรรค์ผ่านวีดีโอ โดยนำมาเผยแพร่ผ่านทาง Youtube หรือทางเว็บไซต์ของโครงการ หรือ ทางเว็บไซต์อื่นๆ (ในข้อ 4 – Influencer) โดยปกติมักจะมีรูปแบบคือ Preview แนะนำโครงการ อยู่ในรูปแบบ คลิปโฆษณาสั้นๆ หรือ Review พาชมโครงการ เป็นคลิปยาวๆ มักอยู่ในรูปแบบรายการแนะนำบ้าน

ในสมัยก่อนการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบวีดีโอนั้น จะจำกัดการเผยแพร่อยู่ทางทีวีเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน วีดีโอสามารถสร้าง และเข้าถึงผู้คนได้ง่ายขึ้น ในทางออนไลน์ … ทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ด้วยเนื้อหาที่ทำออกมาในรูปแบบวีดีโอนั้น เป็นภาพเคลื่อนไหว จึงทำให้ผู้รับชมได้เห็นโครงการได้อย่างละเอียด ชัดเจน รับรู้ได้ถึงบรรยากาศใกล้เคียงของจริง กว่ารูปภาพ หรือ ข้อความ ส่งผลช่วยให้ผู้ชมบางรายเกิดความรู้สึกอยากแวะเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่จริง

6. เฟสบุ๊ค (Facebook)

Facebook โซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ยอดนิยมอันดับ 1 ของคนไทย ในปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งาน มากกว่า 38 ล้านราย ครอบคลุมในทุกๆกลุ่มอายุ

สำหรับการใช้งาน Facebook กับธุรกิจ จะอยู่ในรูปแบบของการสร้างแฟนเพจ (Facebook Page) ของบริษัท/องค์กร ขึ้นมา เพื่อให้คนมากดติดตามผ่านการกดไลค์ (Facebook Like) … โดยผู้ที่มาติดตามเพจ จะสามารถมีโอกาสได้รับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ทาง บริษัทจะนำเสนอ ออกมาในรูปแบบของ Post ผ่านระบบที่เรียกว่า Facebook News Feed

อีกทั้งยังตัว Facebook เอง ยังมีบริการสร้างแคมเปญโฆษณา (Facebook Ads) เพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการประชาสัมพันธ์ โปรโมทธุรกิจ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกลุ่ม … จึงนับว่าเป็นช่องทางการตลาดออนไลน์ ที่เรียกว่า ขาดไม่ได้เลยในการทำธุรกิจในปัจจุบัน ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจด้านอสังหาฯ ด้วยเพราะว่า Facebook เป็นช่องทางออนไลน์ ที่มีศักยภาพสูงมาก ที่จะช่วยให้การส่งผ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคเป็นจำนวนมากๆได้โดยตรง

โดยในยุคปัจจุบัน เรายังอาศัย Data มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างแคมเปญโฆษณา (Facebook Ads) ด้วยวิธีการ Lead Generation เพื่อให้ได้ผลตอบรับที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการทำแคมเปญโฆษณาทั่วไป

7. ไลน์แอด (LINE@)

Line เป็นแอพพลิเคชั่น บนมือถือยอดฮิต ในรูปแบบ Instant Message ถือเป็น โซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ยอดนิยมอันดับ 2 ของไทย … ที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า Facebook แต่เนื่องจากมีการพัฒนาให้รองรับกับการทำธุรกิจ (LINE@ – ไลน์แอด) ทำให้ในปัจจุบัน มีการนำมาใช้ในการติดต่อทางธุรกิจ กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการขายสินค้าต่างๆ

สำหรับในธุรกิจด้านอสังหาฯ การนำ LINE มาประยุกต์ใช้ผ่าน LINE@ สามารถใช้เป็นช่องทางสำหรับส่งข้อมูลข่าวสารต่างๆของทางบริษัทให้แก่กลุ่มฐานลูกค้าเดิม หรือ เพื่อแจ้งเงื่อนไข ประชาสัมพันธ์ รายการส่งเสริมการขายต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ (ที่มีความสนใจโครงการฯจริงๆ เช่น กลุ่มลูกค้าที่มาดูเยี่ยมชมโครงการบ้านแล้ว หรือ ลูกค้าที่จองบ้านไว้แล้ว)

ด้วยการที่ LINE@ มีระบบ การส่งข้อความแบบกระจาย (Broadcast Message) ได้ ช่วยทำให้ บริษัท/โครงการฯ สามารถส่งข้อมูลถึงลูกค้าพร้อมกันเป็นจำนวนมากได้ โดยใช้เวลาอันรวดเร็ว จึงเป็นอีกช่องทางที่ถือว่า มีประโยชน์เป็นอย่างมาก

8. ไดเร็คอีเมล์ (Email Marketing)

การทำการตลาดผ่านระบบอีเมล์ แม้จะถือว่าเป็นระบบที่เก่า กว่าการใช้ Social Network เช่น เฟสบุ๊ค หรือ ไลน์ … แต่ด้วยเพราะเป็นระบบที่ใช้มานาน อีกทั้งยังคงถือว่ามีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะราย จึงยังนับว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางออนไลน์ที่น่าสนใจ

สำหรับธุรกิจอสังหาฯนั้น การได้รับ Email ของลูกค้า อาจจะได้มาจาก การให้กรอกแบบฟอร์ม การให้ลงทะเบียนต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท หรือ อาจจะได้รับมาจากลูกค้าที่เคยเข้ามาเยี่ยมชมโครงการมาก่อนแล้ว … Email เหล่านี้ จึงถือได้ว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีคุณภาพ มากกว่ากลุ่มอื่นๆ (เพราะเป็นกลุ่มคนที่สนใจจริงๆ และมีแนวโน้มสูงกว่าที่จะซื้อ)

บทสรุป

การตลาดออนไลน์ ถือได้ว่าเป็นอีกทางเลือกเพื่อช่วยในการโปรโมท การประชาสัมพันธ์ ทำให้แบรนด์หรือข้อมูลของโครงการ เข้าถึงกับผู้คนได้ ง่ายขึ้น และสะดวกขึ้น ดังจะเห็นได้จาก บริษัทด้านอสังหาฯต่างๆ (โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่) เริ่มมีการใช้กลยุทธ์ต่างๆ มีการปรับสัดส่วนงบประมาณด้านโฆษณา โดยหันมาให้ความสำคัญในด้านออนไลน์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในกรุงเทพฯหรือตามต่างจังหวัดเอง ก็เริ่มค่อยๆมีการปรับตัวตามไปด้วย ทั้งนี้เพราะต่างนึกถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นหลัก และ มุ่งหวังที่จะขยายตลาดให้กว้างยิ่งมากขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

8 ช่องทางที่กล่าวมาข้างต้น จัดว่าเป็นช่องทางหรือเครื่องมือในการทำตลาดออนไลน์ ที่ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ควรศึกษาและเริ่มหันมาใช้ โดยทั้งนี้ หากมีเนื้อหา (Content) ที่ดี และวิธีนำเสนอ ที่สร้างสรรค์ ทำให้โดนใจลูกค้า ก็อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ ในโลกที่เข้าสู่ยุคของดิจิตัล

– บทความโดย –
ทีมงาน จริงใจดี ดิจิตอล ซูโลชั่น
Digital Agency ด้านอสังหาฯ ของไทย